ยุคที่ 1 ยุคของหลอดสุญญากาศและปลั๊กบอร์ด (ค.ศ. 1945-1955) ระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สองก็มีความสำเร็จในการประดิษฐ์คอมพิวเตอร์แบบดิจิตอลโดยใช้หลอดสุญญากาศ
ซึ่งมีขนาดใหญ่โตกินพื้นที่และพลังงานไฟฟ้ามาก ทำด้วยภาษาเครื่องเท่านั้นในตอนนั้นยังไม่มี
ภาษาโปรแกรมหรือแม้กระทั่งระบบปฏิบัติการ ต่อมาในช่วงต้นของทศวรรษ 1950 ก็ได้มี
การใช้การ์ดเจาะรูเพื่อเขียนโปรแกรมครับ
ยุคที่ 2 ยุคของทรานซิสเตอร์และระบบแบทช์ (ค.ศ. 1955-1965) ผู้ดูแลควบคุม
การทำงานคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ จะต้องทำการเขียนโปรแกรม
บนกระดาษ จากนั้นก็ทำการเจาะรูบนบัตรเพื่อแทนโปรแกรมแล้วนำไปให้ผู้ดูแล
คอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าโอเปอเรเตอร์คอมพิวเตอร์เสร็จสิ้นการทำงานโอเปอร์เรเตอร์
จะไปที่เครื่องพิมพ์และนำผลลัพธ์ที่ได้มาที่ห้องเอาต์พุตการทำงานเช่นนี้ทำให้สิ้นเปลือง
เวลาเป็นอันมาก เพื่อแก้ปัญหาจึงได้มีการพัฒนาระบบงานที่เรียกว่าระบบแบทช์ (batch system)
ขึ้น จะนำบัตรเจาะรูไปป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์โดยตรงทีละงานก็นำบัตรเจาะรูของผู้ใช้ หลาย ๆ
คนนำมาอ่านและบันทึกลงบนเทปแม่เหล็กจนกระทั่งเต็มม้วน
ยุคที่ 3 ยุคของไอซีและมัลติโปรแกรมมิ่ง (ค.ศ. 1965-1980) ในยุคนี้คอมพิวเตอร์
ที่ผลิตออกมาจำหน่ายแบ่งออกเป็นสองตระกูลคือ เครื่องสำหรับการ คำนวณทางวิทยาศาสตร์
และวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งต่อมาก็ได้แก้ปัญหาได้โดยเครื่องรุ่นถัดมาสามารถดำเนินงานได้
ทั้งด้านการคำนวณและทางด้านธุรกิจ ในยุคที่สามนี้ได้เกิดเทคนิคใหม่ที่สำคัญคือ มัลติโปรแกรมมิ่ง
(Multiprogramming) ซึ่งช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในยุคที่สอง กล่าวคือการทีซีพียูจะต้องหยุดคอย
ให้การทำงานของเทปแม่เหล็กหรืออินพุต/เอาต์พุตอื่น ๆ เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงจะดำเนินงานต่อไปได้
ยุคที่ 4 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (ค.ศ. 1980-1990) เป็นยุคของไมโครโปรเซสเซอร์ชิป
ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถมีเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นของส่วนตัวได้ เป็นยุคที่เกิดการเติบโต
ของอุตสาหกรรมผลิตซอฟท์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมีระบบปฏิบัติการ
หลักสองอย่างที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเวิร์กสเตชั่น คือ MS DOS และ UNIX MS DOS
ใช้กับเครื่อง IBM คอมพิวเตอร์ และเครื่องอื่น ๆ ที่ใช้ซีพียูของอินเทล อันได้แก่ 8088, 80286, 80386, 80486
แม้ว่าเวอร์ชันแรก ๆ ของ MS DOS จะมีข้อจำกัดมาก แต่ในเวลาต่อมาก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้นมาก
โดยความสามารถในการทำงานหลาย ๆ อย่าง
ยุคที่ 5 คอมพิวเตอร์ยุคเครือข่าย(ค.ศ. 1990 – ปัจจุบัน)เมื่อไมโครคอมพิวเตอร์มีขีดความสามารถสูงขึ้น ทำงานได้เร็ว การแสดงผล การจัดการข้อมูล สามารถประมวลได้ครั้งละมาก ๆ
ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานหลายงานพร้อมกัน (multitasking) ขณะเดียวกันก็มีการเชื่อมโยง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์ในองค์การโดยใช้เครือข่ายท้องถิ่นที่เรียกว่า Local Area Network : LAN
เมื่อเชื่อมหลายๆ กลุ่มขององค์การเข้าด้วยกันเกิดเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขององค์การ
เรียกว่า อินทราเน็ตสามารถเรียกค้นและดึงความรู้ที่สะสมไว้มาใช้งานให้เป็นประโยชน์
ไมโครคอมพิวเตอร์ในยุคนี้จึงทำงานกับสื่อหลายชนิดที่เรียกว่าสื่อประสม (Multimedia)
และคอมพิวเตอรในยุคที่ห้า นี้เป็นคอมพิวเตอร์ที่มนุษย์พยายามนำมาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและแก้ปัญหาให้ดียิ่งขึ้น
วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2552
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น